Wednesday, April 2, 2014

อนุสนธิ โดยอนุมาน ต่อการไม่อนุโลม



:คำถามถึงตุลาการจากชาวบ้านอนุปริญญา

อนุสนธิจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้ง ๒ กุมภาพันธ์เป็นโมฆะ เพราะเสียง ๖ ต่อ ๓ เห็นว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จนเป็นที่ครหาไปทั่วโลกาวิวัฒน์ใบนี้ ว่าตุลาการ (ร่วมมือกับองค์กรอิสระอย่าง ปปช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน) กำลังทำรัฐประหารอย่างเป็นขั้นตอน เปิดทางแก่การลงมติในวุฒิสภาให้ปลดนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลรักษาการพ้นจากหน้าที่ อันจะก่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง

แล้วจะทำการแต่งตั้งนายกฯ คนกลางที่ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่ประกอบด้วยบรรดาบุคคลชั้นนำและตัวแทนสาขาอาชีพ จากในแวดวงของคนที่สนับสนุนกลุ่มชุมนุมประท้วง เป่านกหวีด ปิดกรุงเทพฯ และพรรคประชาธิปัตย์

มุ่งมาดเปลี่ยนแบบแผนการปกครองกลับไปสู่ระบอบกึ่งศักดินา- ราชาธิปไตย ตามมาตรฐานใหม่ที่ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือ กปปส. อาจจะเป็นผู้กำหนดขึ้น

โดยที่เป็นไปได้ว่าสิทธิเสียงของประชาชนจะไม่เท่าเทียมกันถ้วนหน้า คนยากจน คนไกลปืนเที่ยง แม้จะมีเสียงของตนเองแต่ก็จะได้รับการฟังไม่ทุกครั้งเสมอไป ไม่เท่ากับ คนดี มีการศึกษาที่ให้การสนับสนุน กปปส. เรื่อยมา

ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนซึ่งเรียนรู้เรื่องกฏบัตรกฏหมายแค่พอประมาณ ที่ถ้าจะเทียบตามเกณฑ์สภาประชาชนของ กปปส. คงเข้าขั้น อนุปริญญาเมื่อได้ฟังบันทึกเสียงถ่ายทอดรายการวิทยุที่ รศ.จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์เป็นปฏิกิริยาต่อคำวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินของศาลแล้ว

ใคร่ยกมือย้อนถามอาจารย์ ด้วยความรู้สึกอย่างชาวบ้านที่ไม่ได้ศรัทธาสนับสนุน กปปส. ว่าท่านผู้บรรยายตะแบงไปหน่อยหรือเปล่า

อนุมานจากคำตอบในรายการวิทยุโดยอาจารย์จรัญได้ว่า ท่านพูดกลายๆ แทนตุลาการเสียงข้างมาก เมื่อท่านใช้คำว่า เรา กล่าวถึงคำตัดสินกลางของคณะตุลาการ กับที่ท่านให้เหตุผลวกวนต่างๆ ในอันที่จะบอกว่านั่นเป็นการร่วมวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนแล้ว แม้นว่าคำอธิบายของท่านออกจะแถๆ ในความรู้สึกของอนุปริญญาด้านกฏหมายไทยอย่างผู้เขียน

จับประเด็นหัวใจคำสาธยายของ อ.จรัญ ตามคลิปเสียงเกือบยี่สิบนาฑีที่ผู้เขียนสดับฟังคำต่อคำจาก 'ไทยอีนิวส์' ได้ว่า ตุลาการทั้งหกไม่สามารถจะหาตัวบทกฏหมายใดมาใช้เพื่อ อนุโลมไปตามการจัดเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ได้ จึงต้องมีมติว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ*(1)

เพราะไม่ได้จัดขึ้น ในวันเดียวกันตามที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาและจัดเลือกตั้งระบุไว้ ทั้งนี้ทำให้ข้อความที่กำหนดเลือกตั้งวันที่ ๒ กุมภาฯ ดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตุลาการเลยทำการชี้ชัดต่อไป แนะให้ออกกฤษฎีกาจัดเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด จะได้ทำให้ถูกต้องเป็นมาตรฐานถาวรจวบจนอสงไขย เหมือนการสร้างตึกยี่สิบสามสิบชั้น

แม้นว่า อ. จรัญ ท่านเองได้แก้ต่างว่าการออกกฤษฎีกาฉบับเลือกตั้งวันที่ ๒ ก.พ. นั่นทำ ถูกต้องแล้วไม่ผิดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แต่ไอ้การจัดเลือกตั้งนั่นสิที่ไม่เป็นไปตามที่กฤษฎีกามุ่งหมาย ในเมื่อมันขาดไป ๒๘ เขตซึ่ง ไม่ได้มีการสมัครรับเลือกตั้งเลย

ผู้เขียนฟังแล้วฉงนยิ่งนัก ว่าในเมื่อมีการออกกฤษฎีกาถูกต้อง และมีการจัดเตรียมเลือกตั้งในวันเดียวแล้ว เกิดเหตุสุดวิสัยพวกจัญไรไปขัดขวางการรับสมัคร แถมกรรมการเลือกตั้งบางเขตเป็นใจพับโต๊ะหนีก่อนผู้ประท้วงจะมาเสียอีก อย่างนี้จะบอกว่า ไม่ได้มีการจัดเลือกตั้งในวันเดียวกัน ตามรัฐธรรมนูญ อาจารย์ไม่ศรีธนญชัยไปหน่อยหรือครับ

เช่นนี้ถึงได้มีประชาชนมากมายพากันไปยื่นฟ้องคดีความเอาโทษตุลาการฐานละเมิดสิทธิของผู้เลือกตั้งเสียเอง

แถมคดีความอย่างนี้ก็เคยมีมาแล้วสามครั้ง*(2) ครั้งแรกในปี ๒๕๕๕ ประธาน นปช. ฟ้องว่าตุลาการ ๗ คนใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กรณีสั่งให้รัฐสภาชลอการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสามไว้ก่อน
ต่อมาในปี ๒๕๕๖ ตัวแทนกลุ่มวิทยุเพื่อประชาธิปไตยก็ฟ้องอีกว่าตุลาการเสียงข้างมาก ๕ คน รับคำร้องเรื่องว่าการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราผิดรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ โดยมิชอบ

และล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมนี้เอง ดร.สุนัย จุลพงศธร ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้ยื่นถอดถอนตุลาการเสียงข้างมาก ๖ คน ที่รับคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ อีก อันเป็นที่น่ากังขาอย่างยิ่งในการใช้วิจารณญานของตุลาการเหล่านั้น ต่อการรับคำร้องและพิจารณาโดยไม่ถ่องแท้ จนต้องให้ประชาชนร้องทักท้วงขอถอดถอนหลายครั้งหลายครา ซ้ำซากประดุจดัง จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

ซ้ำดีแสนดี อ.จรัญย้ำด้วยว่า กรรมการเลือกตั้งเขาทำชอบ ตั้งใจทำเต็มที่ เพียงแต่ทำแล้วไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็ให้ทำใหม่ซะ และต่อนี้ไปในการทำใหม่นี่น่ะรัฐบาลต้องปรึกษา กกต. นะ จะทำฝ่ายเดียว ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ ผู้เขียนจึงยิ่งเป็นงงไปใหญ่ จำเป็นต้องยกมือถามอาจารย์ดังนี้

นาฑีที่ ๒.๓๗ อาจารย์บอกว่า แล้วก็ปัญหาใหญ่ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน แล้วมาตัดสิทธิประชาชนยี่สิบล้านคนนี่ ไม่ใช่ครับ ประชาชนไม่ได้ถูกตัดสิทธิว่าไม่ให้เลือกตั้ง ก็ยังกลับมาเลือกตั้งได้ เพียงแต่ว่าช้าไปอีก จะเดือนสองเดือนก็แล้วแต่จะจัดใหม่ได้เมื่อไหร่นะครับ แต่ประชาชนทั้งหมดที่ไปเลือกตั้งก็จะได้สิทธิมาเลือกตั้งครั้งใหม่อยู่นั่นเอง

นี่พอเริ่มต้นก็แถแล้วนะท่าน สิทธิที่ประชาชน ๒๐ ล้านคนถูกพวกตุลาการตัดไปนั้น เป็นสิทธิที่พวกเขาได้ไปใช้ลงคะแนนเสียงด้วยความยากลำบากมาแล้ว บางคน บางแห่งถึงกับต้องแหวกฝูงมารเข้าไป ท่านจะมาบอกว่าเอาน่า ชิ้นเก่าฉันเอาไปทิ้ง เอาชิ้นใหม่แทนแล้วกัน ในชีวิตธรรมดาของมนุษย์สามัญชน การได้ของใหม่แทนของที่เสียไปมันไม่ได้เปลื้องทุกข์สร้างสุขให้ได้เหมือนดังที่ตุลาการคิดนะครับ

แม้ท่านคิดว่าของใหม่จะดีกว่าของเก่าก็เถอะ ก็เขาอยากสร้างบ้านชั้นเดียวกันง่ายๆ แล้วท่านทุบทิ้งบอกให้ไปสร้างตึกยีสิบชั้นวิลิดสมาหราดีกว่า เสือกสนแบบนี้มันจะดีหรือครับ

นาฑีที่ ๓.๕๒ แต่พอไปตรวจดูกฏหมายแล้วนี่ มันไม่มีกฏหมายรองรับตรงนี้เลยครับ คือไม่มีถึงขนาดว่าทางท่านผู้แทนนายกรัฐมนตรีเนี่ยยังต้องบอกว่า ต้องอาศัยมาตรา ๘๘ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เอามาเทียบเคียงใช้โดยอนุโลม...

ไอ้มาตรา ๘๘ มาตราอื่นๆ ทั้งหมดที่กฏหมายเขียนรองรับไว้เนี่ย ต้องผ่านการสมัครรับเลือกตั้งมาแล้วทั้งสิ้น...หลายมาตราเลย ให้มีการลงคะแนนกันใหม่ แต่นี่มันใน ๒๘ เขตนี่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เลย ไม่เคยมีเลย เพราะฉะนั้นมันจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์

อันนี้ แม้จะอ้างว่าตรวจดูมาตรา ๗๘ มาตรา ๘๘ มาตรา ๑๐๓ มาตรา ๑๐๘ มาตรา ๑๐๙ หรือมาตรา ๑๑๑ แล้วล้วนไม่ใช่ทั้งสิ้น ก็ยังน่าจะเป็นการตีความโดยตุลาการทั้งหกแบบ “much too literally” ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินด้วยการอ้างพจนานุกรมบ้าง อ้างประมวลกฏหมายแพ่งบ้าง อ้างประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ ป. วิ. แพ่งบ้าง ยังเคยทำได้

ก็แล้ว มาตรา ๘๘ นั่นมันอยู่ในกฏบัตรกฏหมายเรื่องไรล่ะครับ ใช่กฏหมายเลือกตั้งหรือเปล่า

จะดันทุรังดังธงที่ตั้งมาไม่ยอมรับฟังเหตุผลของตัวแทนนายกรัฐมนตรีจนได้ ร่ำไปเชียวหรือ นี่ไม่นับประเด็นที่ตุลาการตัดสินกลับไปกลับมา ให้ปะเหมาะตะพึดไปเลยเชียวว่า ผลร้ายได้แก่กลุ่มการเมืองฝ่ายหนึ่งเสมอ และผลดีตกแก่อีกพรรคการเมืองหนึ่งร่ำไปเช่นกัน โดยที่แต่ละคดีมีฐานการกระทำผิดอย่างเดียวกัน

นาฑีที่ ๖.๐๕ เพราะฉะนั้นมันเท่ากับมันไม่มีการเลือกตั้งใน ๒๘ เขต ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ แล้วถ้าจะเลือกกันใหม่ต่อไปแล้วจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้ทำในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ก็ไปขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๘ วรรคสองครับ

ความวกวนของคำอธิบายมันเริ่มเกิดขึ้นตรงนี้ เมื่อ อ.จรัญ กล่าวต่อไปในนาฑีที่ ๖.๕๔ ว่า

คือถ้าเผื่อไปถือตามวันที่ระบุในกฤษฎีกาอย่างนี้นะฮะ ไม่มีวันที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันเดียวกันได้เลยครับ เพราะฉะนั้น ณ วันที่ออกพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่พอมาถึงการการจัดเลือกตั้ง คุณต้องจัดเลือกตั้งให้ได้ภายในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร แต่ไม่ใช่ลงคะแนนนะ ลงคะแนนไม่ต้องวันเดียวกันก็ได้

อ้าว นักเรียนกฏหมายอนุปริญญาฟังแล้วสับสน ก็ในเมื่อประกาศวันเลือกตั้งทั่วประเทศพร้อมกันแล้ว ท่านว่าต้องตามรัฐธรรมนูญและตีความว่าไม่ต้องลงคะแนนในวันเดียวกันก็ได้ แต่ท่านกลับบอกว่าเมื่อไม่มีการสมัครเข้ารับเลือกตั้งใน ๒๘ เขต จึงปรับผิดรัฐธรรมนูญ เท่ากับตระบัดคารมหรือเปล่าเล่าครับ

ท่านจะตีความว่าลงคะแนนก่อน (ล่วงหน้า) ได้ แต่เลื่อนไปลงคะแนนภายหลัง (ทดแทน) ไม่ได้อย่างไร ตรรกะย้อนแย้งเสียจริง เสียจนตามไม่ทัน

นาฑีที่ ๑๒.๑๐ ประกอบกับในคำวินิจฉัยนี้จะพูดไว้นะ ว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การปฏิบัติไม่ชอบอะไรของคณะกรรมการเลือกตั้งหรอก กรรมการเลือกตั้งถึงแม้จะได้จัดการทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่เมื่อมันทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ก็แก้ไขเสีย แต่วิธีแก้ไขไม่ใช่ทำให้มันผิดรัฐธรรมนูญชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก

นี่ไม่เพียงแต่ท่านตีกันให้แก่ กกต. (ยังกลับกลัวว่าชาวบ้านเขาจะรู้เบาะแส) ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดโดยตรงตามแนวคำวินิจฉัยของ ตลก. เองเท่านั้น การแก้ไขโดยทำให้ผิดรัฐธรรมนูญยิ่งขึ้นไปอีกน่าจะย้อนไปที่ ตลก. นั่นเอง

ดังกล่าวแล้วว่าผู้เขียนเปรียบได้กับนักเรียนกฏหมายระดับอนุปริญญา ไม่บังอาจสอน ตลก. แต่อย่างใด แต่ใคร่จะเรียนแนะนำไว้เล็กน้อย เพื่อให้ท่านได้มีโอกาสทำคุณแก่ประชาชนเสียงส่วนมากเสียหน่อยว่า

ลองไปอ่าน คำถาม ๖ ข้อของที่ปรึกษากฏหมายพรรคเพื่อไทย บนเว็บไทยอีนิวส์นี้เองแหละสักนิดเป็นไร จะทำให้อ่านรัฐธรรมนูญอย่างผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ผู้กำหนด แล้วจะได้ไม่เกิดอาการสำคัญผิดบ่อยๆ

หมายเหตุ ข้อเขียนนี้มีการปรับเพิ่มเล็กน้อยจากที่ตีพิมพ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่เว็บไซ้ท์ไทยอีนิวส์ http://thaienews.blogspot.com/2014/04/blog-post_5246.html

*
(1) ในคำพิพากษากลางที่นำลงบนเว็บไซ้ท์ของศาลรัฐธรรมนูญในภายหลัง ไม่ปรากฏมีคำว่า โมฆะในคำพิพากษา ทั้งที่ในถ้อยแถลงโดยโฆษกศาลรัฐธรรมนูญหลังจากศาลมีคำตัดสินออกมากล่าวถึงการให้เลือกตั้งเป็นโมฆะอย่างชัดแจ้ง
(2) รายละเอียดอยู่ในเรื่อง การถอดถอนองค์กรอิสระโดยช่องทางประชาชน บนเว็บไซ้ท์ของ I Law

No comments:

Post a Comment