Monday, May 7, 2012

เขาว่ามีลับ-ลวง-พราง



เกือบครบสองปีของเหตุร้ายแรงที่สุดทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อเดือนเมษา-พฤษภา ๕๓ ปรากฏว่ามีเสียงเรียกร้องต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยถี่ยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องคนตายกว่า ๙๑ รายด้วยอาวุธของทหาร และคนที่ถูกจับกุมคุมขังอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นยังตกค้างอีกถึง ๕๑ ราย

ท่ามกลางผลหยั่งเสียงต่อคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่บริหารงานครบ ๙ เดือน ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบคโพลล์) ซึ่งแม้จะเน้นการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ และราคาสินค้า ขานรับการรณรงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายค้านว่าผู้ตอบสำรวจส่วนใหญ่มีความพอใจต่ำกว่าครึ่ง แต่ก็ยังให้คะแนนนิยมแก่ตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรถึงร้อยละ ๖๔.๘*(1)

ขณะที่รัฐบาลประกาศจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมืองงวดแรกแล้วในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม และมอบหมายกระทรวงพัฒนาชุมชนดำเนินการเปิดรับความเห็นสาธารณะต่อแนวทางการปรองดองให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน โดยมีฝ่ายค้านปักหลักต้านอย่างไม่เกินคาดอีกเช่นกัน มิใยที่มีอีกบางโพลล์แถลงผลสำรวจเสียงคัดค้านในรายละเอียดบางอย่างต่อแนวทางการปรองดองของรัฐบาล

เป็นที่น่าสังเกตุจากรายงานโดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ว่าผู้ตอบสำรวจถึง ๖๘.๘ เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลจะใช้วิธีการนิรโทษกรรมแก่ทั้งสองฝ่ายในเหตุร้าย เมษา-พฤษภา ๕๓ เพื่อเป็นสะพานนำไปสู่การปรองดองทางการเมือง โดยให้เหตุผลว่าเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา อคติยังคงมีอยู่ทุกฝ่าย แต่ละฝ่ายไม่ยอมกัน และผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษ*(2)

ยังมีอีกหนึ่งโพลล์อันควรแก่การกล่าวถึง ซึ่งอาจจะเป็นโพลล์ขนาดย่อมกว่าที่เสนอมาแล้ว แต่ว่าเข้าถึงปัญหาได้อย่างตรงเป้า ทั้งที่มีลักษณะการสำรวจอย่างปฐมภูมิ คือไทยอีนิวส์สำรวจความรู้สึกผู้อ่านของตนในสื่ออินเตอร์เน็ต ต่อการนำรองนายกรัฐมนตรีอีกสามท่านเข้าร่วมรดน้ำดำหัว อวยพร และ ขอคำปรึกษาเรื่องการปรองดอง จากประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในโอกาสสงกรานต์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

ผู้ตอบสำรวจไทยอีนิวส์จำนวนกว่า ๒,๕๐๐ รายมีความเห็นแยกเป็น ๓ ประเด็นด้วยกัน ๑๒ เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับอีก ๕๑ เปอร์เซ็นต์คัดค้านอย่างเต็มที่ อันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติมมากมายอะไร ในฐานะที่ไทยอีนิวส์ถูกสื่อสายหลักจัดให้เป็น เว็บเสื้อแดง

ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ของคนกลุ่มที่ออกมาต่อต้านรัฐประหาร เรียกร้องการเลือกตั้งใหม่แต่กลับได้กระสุน (ตามสำนวนฝรั่ง “asked for ballots, but got bullets”) เห็นอกเห็นใจอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นหลักใหญ่ใจความ ล้วนเห็นพ้องกันว่า

การนิรโทษกรรมผู้นำทางการเมืองทั้งสองฝ่าย เป็นการทรยศต่อผู้เสียหาย ทั้งที่เสียชีวิต หรือเสียโอกาสในการดำเนินชีวิตที่ดีต่อไป รวมถึงเสียขวัญกำลังใจจากการถูกจองจำมาเป็นเวลานานแล้วยังมองไม่เห็นหนทางสงบเบื้องหน้า ขณะที่ผู้นำทั้งหลายได้ลอยตา รัฐบาลที่พวกเขาเป็นกำลังสำคัญให้ชนะเลือกตั้งกลับลอยตัวอยู่กับวาทกรรมปรองดอง

บุคคลประเภท ....สั่งฆ่า......สั่งยิง ยังคงลอยนวล แต่ไพร่ราบจำนวนมากที่เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อสิทธิเสรีภาพของตนกลับต้องทนทุกข์ต่อไป

หรืออาจจะใช้คำอธิบายของคณะนิติราษฎร์ในคำประกาศฉบับที่ ๓๔ ซึ่งเขียนโดย ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ก็ได้ ว่า เนื่องจากการนิรโทษกรรมในลักษณะดังกล่าวแม้จะทำให้ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมพ้นจากความผิด และความรับผิด แต่ก็จะมีผลให้บรรดาผู้ที่สั่งการและปฏิบัติการสลายการชุมนุมพ้นจากความผิดไปพร้อมกันด้วย การนิรโทษกรรมในลักษณะดังกล่าวไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์สลายการชุมนุมต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากการแย่งชิงอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา *(3)

ในฐานะที่จากโพลล์ของไทยอีนิวส์ก่อนหน้านี้*(4) มีผู้ตอบแบบสอบถามสองครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ และเมษายนปีนี้ แสดงความประสงค์จะเลือกพรรคการเมืองที่สนับสนุนข้อเสนอนิติราษฎร์มากกว่าพรรคเพื่อไทย ทั้งสองครั้ง ถ้าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันนั้น โพลล์ในเดือน ก.พ. เพื่อไทยได้คะแนน ๒๙.๕ เปอร์เซ็นต์ ข้อเสนอนิติราษฎร์ได้ ๖๓.๔ เปอร์เซ็นต์ พอถึงเดือน ม.ย. นิติราษฎร์ยังคงได้รับเลือก ๕๕.๔ เปอร์เซ็นต์ เทียบกับเพื่อไทยที่ได้ ๓๐.๙ เปอร์เซ็นต์

และเป็นที่น่าสังเกตุว่าคะแนนที่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในโพลล์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก ๒.๙ เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ไปเป็น ๘.๒ เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน อันเป็นช่วงที่เกิดความรู้สึกอึดอัดขัดใจของคนเสื้อแดงบางภาคบางส่วนต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทย จนเป็นผลให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งท้องถิ่น และเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานีพ่ายต่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นกระแสคลื่นตีกระทบให้ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมที่เชียงรายของพรรคเพื่อไทยพ่ายต่อแกนนำเสื้อแดงของพื้นที่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว

ย้อนกลับไปที่เรื่องรดน้ำดำหัว ถึงกระนั้นก็ดี ยังมีเสื้อแดงอีกไม่น้อยในโพลล์ของไทยอีนิวส์บอกว่า  เขาคงแค่ลับ ลวง พราง เป็นจำนวนถึง ๓๗ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เห็นชอบกับการรดน้ำดำหัวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงสามเท่า

แม้จะไม่มีรายละเอียดจากความเห็นของผู้ที่คิดว่ามีการลับ-ลวง-พรางอย่างไร ก็ควรแก่การเสาะหาคำอธิบายกันในที่นี้ ด้วยเหตุที่มีนัยยะอันสำคัญหากตีความได้ว่าเป็นอีแอบของพวกเห็นชอบ ซึ่งเมื่อรวมคะแนนกันแล้วได้ ๔๙ เปอร์เซ็นต์ก็สูสีกับฝ่ายที่คัดค้าน

เหตุหนึ่งนั้นเนื่องจากพล.อ.เปรมเคยเป็นผู้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยพาดพิงเอาไว้ว่าเป็น มือที่มองไม่เห็น ผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารของ คมช. ที่โค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้งของทักษิณ โดยมอบให้พล.อ.สนธิ บุณยรัตนกลิน เป็นหัวโขนดำเนินการ พล.อ.เปรมนี้อีกเช่นกันที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในรัฐมนตรีของรัฐบาลปัจจุบันเคยประกาศบนเวทีเสื้อแดงขอ ชกข้ามรุ่น ในฐานที่เป็นหัวโจกพวกอำมาตย์ซึ่งคิดร้าย กระทำย่ำยีต่อมวลชนเสื้อแดง ระหว่างการชุมนุมนับแต่แยกคอกวัวถึงบ่อนไก่ในกลางปี ๒๕๕๓

ครั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กระทำตนเป็นนายกฯ ผู้น่ารัก (แม้จะไม่ดีที่สุดในโลกเหมือนนายกฯ คนก่อน) เข้าไปคำนับขอคำปรึกษา คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ (อุปมาอุปมัยในที่นี้เท่ากับ ๕๑ เปอร์เซ็นต์ตามตัวเลขโพลไทยอีนิวส์) ย่อมพากันคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเปลี่ยนไป และพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแปลง เสียแล้ว ในเมื่อ พล.อ.เปรมนั้นมิได้มีคุณูปการให้แก่คนเสื้อแต่อย่างใด (คำวิพากษ์ของ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล บนเฟชบุ๊คเป็นเครื่องยืนยัน)

ลับ-ลวง-พราง อาจหมายถึงตบตาป๋า หรือว่าตบตาคนเสื้อแดง ทางใดทางหนึ่ง แต่จะเป็นทั้งสองทางไม่ได้ นี่เองที่เป็นนัยยะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยไปทางไหนแน่ อำมาตย์หรือมวลชน

ทางที่ดีต่อศรัทธาของมวลชนควรอยู่ที่ไม่มีลับ-ลวง-พรางใดๆ มีแต่ผิดพลาดคล้ายปทุมธานี และเชียงราย ส่วนที่หญิงปู หญิงอ้อ หญิงหน่อย และเจ๊แดงได้ไปกันแล้วทางใด ในฐานะที่บุคคลเหล่านี้เป็นปัจจัยแห่งพลังขับเคลื่อนในพรรคเพื่อไทยในช่องว่างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ควรชวนกันปรับกระบวนให้สอดคล้องเสีย

อาจนับเป็นเรื่องดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องการแสดงบุคคลิกของตนเองให้ประจักษ์เสียทีในบทบาทนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน เอาความสงบสยบความกักขฬะของฝ่ายค้าน เอาความจิ้มลิ้มทิ่มแทงภาพลักษณ์อำมหิตของนักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา เป็นบุคคลิกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพี่ชายที่แสนดีที่เคยเอาแต่ชนกับชนเสียจนพัง

มีการ์ตูนของอรุณ วัชรสวัสดิ์ ที่จับประเด็นท่าทาง และท่วงทีของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในบทตัวแทนช่องว่างของทักษิณไว้อย่างแหลมคม สามารถนำมาสวมใส่ในประเด็นนิรโทษกรรมทางการเมือง กับการทำความจริงให้ปรากฏในกรณีเข่นฆ่าประชาชนว่า เบื้องหน้านั้นคือพี่ชายที่แสนดี แต่ภูมิหลังเป็นมวลชนที่แสนรัก เธอจะเดินต่อไปอย่างไร

น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำประโยชน์ให้แก่พี่ชาย วงศ์ตระกูล พรรคเพื่อไทย และประเทศชาติได้ดี ถ้าใช้บุคคลิกของเธอเองเป็นตัวขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างชาญฉลาด ไปพร้อมๆ กับพลังกำหนดวิสัยทัศน์ในขนาดของคลังแสงที่ไม่ด้อยไปกว่าพี่ชาย ผลจากการเดินทางเยือนต่างประเทศไม่หยุดยั้ง สร้างความประทับใจแก่นานาชาติแม้เพียงในเครื่องแต่งกาย ขณะที่มีทีมงานคอยเก็บสอยข้อตกลงความร่วมมือ และการลงทุนได้

ปล่อยวางเรื่องนิรโทษกรรมไว้เสียก่อน รอให้ถึงเวลาเท่ที่แน่นอนในสายตาทั้งอริ และผู้ศรัทธา ไม่ดีกว่าหรือ ปักหลักเอาชนะความเกลียดด้วยการเพิ่มคุณภาพความรักดีกว่าพยายามเอาใจคนที่ไม่รักจริงจนหมางน้ำใจคนที่เขารักเรา เรื่องประโลมโลกเล็กน้อยบางทีก็ใช้เป็นอุทธาหรณ์สำหรับเรื่องใหญ่ระดับชาติได้

การฟ้องร้องเอาผิดต่อนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ จากการสั่งปราบประชาชนอย่างร้ายแรงด้วยกระสุนจริงเมื่อกลางปี ๕๓ นั้นศาลอาญาระหว่างประเทศรับดำเนินคดีแล้ว ติดขัดแต่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการในประเทศไทยได้เพราะไทยไม่ได้ลงนามให้สัตยาบันแก่ศาล การนี้สอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ดร.สุนัย จุลพงศธร และ นพ.เหวง โตจิราการ ได้ยื่นคำร้องต่อรัฐบาลให้คณะรัฐมนตรีประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลตามธรรมนูญกรุงโรมไว้

น่าที่น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเร่งดำเนินการเรียกประชุม ค.ร.ม.โดยไว ไม่เพียงเพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหาย ดังที่นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส. กมลเกด อาสาสมัครพยาบาลผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนารามจากกระสุนสไน้เปอร์ของทหารเรียกร้อง หากแต่แสดงให้หัวหน้าฝ่ายค้านเห็นว่าหัวหน้ารัฐบาลมิใช่เป็นหน้ากากให้พี่ชายเสมอไปในเรื่องของการบริหารงาน ทั้งยังสนองคำปรามาสที่นายอภิสิทธ์พูดไว้ในที่สาธารณะว่าพร้อมจะสู้คดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์เมษา-พฤษภา ๕๓

พรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน กล่าวได้ว่ามาถึงทางแพร่งอันสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะต่ออนาคตทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ว่ามันจะมาช้ามาเร็ว หรือไม่มาตามฤดูกาลปกติ เพราะประเด็นลับ-ลวง-พราง จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นผลดีในทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อย

การตบตาป๋าอาจทำให้เลือกตั้งไม่มาตามนัด เช่นเดียวกันถ้าตบตาเสื้อแดงคงทำให้ต้องหาฐานเสียงมาเสริมกันใหม่ในส่วนของรากหญ้าผู้สูญเสีย และถูกทอดทิ้ง องคาพยพตัวขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทยน่าจะเก่งในการใช้คณิตศาสตร์หาข้อสรุปได้ไม่ยาก

เว้นแต่ว่าได้เกิดการเปลี่ยนไป และเปลี่ยนแปลงแล้ว ดังกล่าวข้างต้น


*(1) ดูรายละเอียดที่ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1336275758&grpid=&catid=01&subcatid=0100 โดยที่ดร.นพดล กรรณิกา ผู้จัดทำโพลล์นั้นเคยเป็นผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อย่างแข็งขันจนมีคำกล่าวว่าเขาเป็นที่ปรึกษาใต้โต๊ะของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลชุดที่แล้ว
*(2) http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40356
*(3) http://www.enlightened-jurists.com/blog/63 วรเจตน์แจ้งว่า ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้จะจัดกิจกรรมเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ข้อเสนอในการปรองดอง พร้อมทั้งเรื่องลบล้างผลพวงรัฐประหาร และการขจัดความขัดแย้งในสังคมไทยด้วย
*(4) http://thaienews.blogspot.com/2012/04/blog-post_3066.html

No comments:

Post a Comment