Monday, January 16, 2012

ทำใหม่



คิดใหม่ ทำใหม่ เป็นคำคมที่ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้ง และต่อมาเป็นนโยบายที่จับใจคนรากหญ้า สร้างศักดาให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากเสียจนต้องถูกรัฐประหารจากการประสานหลายส่วนของฝ่ายทหาร นายทุนสื่อ องคมนตรีบางคน และผู้นำศาล ในรายการ ชิมปลาดิบ จิบไวน์”*(1)

แถมด้วยการตามล้างจากองค์กรอิสระ และตุลาการภิวัฒน์ ยุบพรรค ทรท. ไปแล้วไม่พอ เด็ดพรรคพลังประชาชนอีกหน พร้อมทั้งเช็ดรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชด้วยหน้ากระดาษพจนานุกรม เลยทำให้วรรคหลังของนโยบายนั้นทำไม่เสร็จ

มาถึงคราวพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จึงยังไม่มีการทำใหม่ หากแต่จะทำในสิ่งที่เคยคิดใหม่เอาไว้แล้วให้เสร็จ ด้วยสโลแกน ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ

การทำโดยเพื่อไทยอาจไปได้สวยกว่าที่เป็นในขณะนี้ถ้าไม่เกิดอุทกภัยร้ายแรงที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษ กระทบพื้นที่ของประเทศไม่น้อยกว่า ๔๖ จังหวัด รวมทั้งกรุงเทพฯ-ธนบุรี และปริมณฑล เมื่อเริ่มต้นรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยไม่เพียงลื่นถลำเพราะน้ำหลาก หากแต่ซวนเซเกือบจะตั้งตัวไม่ติดเพราะน้ำลายของฝ่ายค้าน และบริวารจัดตั้งที่สวมเสื้อหลากสี

อาการซวนเซอาจทำให้รู้สึกว่าอยากสลับสับขาเปลี่ยนที่ยืนไปสู่พื้นฐานอื่นให้หลากหลายบ้าง ดังที่มีการนำกรณียึดสนามบินกับระเบิดปิงปองหน้าทำเนียบมายำรวมเป็นหลักการเยียวยาเดียวกัน และยังจะมีการบีบมะนาวนำเอาผู้เสียหายจากสถานการณ์ภาคใต้ใส่อีกด้วย ซึ่งไม่วายฝ่ายเสียหน้าก็ยังทำตัวหัวหมอฟาดหางให้เป็นเรื่องใหญ่*(2) อ้างว่าผิดหลักความเสมอภาคตามกฏหมายอาญา มาตรา ๑๕๗

แท้ที่จริงคงไม่เพียงเรื่องซวนเซ แต่เป็นส่วนหนึ่งของท่าทีที่รับปากกันไว้ในข้อตกลงสามเส้า (ซึ่งน.ส.พ.ไทยโพสต์เคยเอามาปูดว่ามีการเจรจาระหว่างนายวัฒนา เมืองสุข พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ) อันเป็นผลให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยอมประกาศยุบสภา และเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔

โดยมีข้อแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องไม่เข้าไปแตะต้องการโยกย้ายทหาร และดำเนินการให้เป็นที่ประจักษ์ว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์เป็นล้นพ้นไม่ยิ่งหย่อน หรือยิ่งกว่ารัฐบาลที่แล้วๆ มา

ข้อเท็จจริงในการเจรจาสามเส้าจะเป็นเช่นไร หรือแม้แต่ว่ามีการเจรจาเช่นนั้นจริงหรือไม่ ผู้เขียนขอยกประโยชน์ หรือโทษให้แก่น.ส.พ.ไทยโพสต์ เนื่องจากเนื้อหาเหล่านั้นไม่ก่อให้เกิดความสำคัญแก่บทความนี้ เพียงแต่การเอออวยกับฝ่ายทหาร พร้อมด้วยการโหมกำหราบ และกำจัดเว็บไซ้ท์ที่ล่อแหลมต่อการดูหมิ่นสถาบันฯ รวมถึงการประกาศมติคณะรัฐมนตรีไม่รับพิจารณาข้อเสนอแก้ไขกฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ บังเอิญไปเข้าทางข่าวปูดของไทยโพสต์อย่างช่วยไม่ได้

ทั้งสองกรณีที่กล่าวถึง เป็นท่าทีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ถอยห่างจากการ ทำใหม่ อย่างน้อยชั่วคราว แต่จะเป็นการทำไปตามข้อตกลง หรือทำให้นุ่มนวลเพื่อการไหลลื่นทางการเมือง อันรวมไปถึงข้อเสนอแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกลาโหมเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายทหารที่ถูกชลอเอาไว้ เพราะสายการบังคับบัญชาของกองทัพเวลานี้ยังเห็นว่าไม่เหมาะที่จะให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปมีเอี่ยว ย่อมเกี่ยวข้องแต่กับสวัสดิภาพของรัฐบาลเพียงลำพัง

ผู้เขียนนำเอาประเด็นการทำใหม่มาเป็นข้อสังเกตุในครั้งนี้เพราะอยากเห็นรัฐบาล และพรรคการเมืองที่ทำตามความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นก้าวต่อไปไม่หยุดยั้ง แม้นว่าในความเป็นจริงทางการเมืองการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มการเมืองที่ยังเหนียวแน่นกับอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้สามารถกลับมา ทำอีก ได้ก็นับว่าเป็นผลงานที่ชื่นชมได้เหลือหลายแล้ว

มิพักจักต้องเอ่ยถึงพลังมวลชนที่เป็นหินผาศิลาอาสน์ให้เกิดเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยขึ้นได้

การทำใหม่ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยที่ผู้เขียนอยากเห็น นั้นอยู่ในกรอบความหมายของคำที่ฝรั่งมังค่ามักใช้กันว่า Reinvent เป็นการทำใหม่ในลักษณะที่ประนาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐพยายามจะทำเมื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในการรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีไว้อีกสมัย ในปลายปีนี้

ผู้ติดตามการเมืองอเมริกันอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายในทำเนียบขาวตั้งแต่กลางปีถึงปลายปีที่ผ่านมา เรื่อยมาถึงต้นปีนี้ การจากไปของหัวหน้าคณะที่ปรึกษาประธานาธิบดี ราห์ม เอ็มมานูเอล ไปรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครชิคาโก และการเปลี่ยนตัวโฆษกทำเนียบขาว รอเบิร์ต กิ๊บบ์ เป็น เจย์ คาร์นี่ย์ ล้วนเป็นผลของความพยายาม ทำใหม่ ตีตัวจากการเมืองอย่างเดิมๆ ของวงในกรุงวอชิงตัน

ดังเป็นที่เปิดเผยในหนังสือเล่มใหม่เกี่ยวกับครอบครัวโอบาม่า*(3) ที่ชี้ให้เห็นบทบาทของภริยาประธานาธิบดี นางมิเชล เมื่อเห็นว่าทีมงานทำเนียบขาวจมปลักกับการเมืองรายวันของการต่อรอง และรอมชอมจนเป็นผลให้วิสัยทัศน์ของนายโอบาม่าเมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งครั้งแรกเลือนหาย และออกห่างจากการสัมผัส หรือแตะมือทางความคิดกับฐานเสียงของท่านไปไกลทีเดียว

ดังที่ปรากฏเมื่อกลางปีที่แล้วว่าคนหนุ่มสาวที่เคยเป็นแรงผลักดันอันสำคัญให้โอบาม่าชนะฮิลลารี่ คลินตันในการเลือกตั้งเบื้องต้น และเป็นฐานศิลาแลงกำแพงหินให้โอบาม่าชนะจอห์น แม็คเคน ในการเลือกตั้งใหญ่ในที่สุดนั้นตีตนออกห่างจากโอบาม่ากว่าครึ่ง เพราะโอบาม่าในตำแหน่งประธานาธิบดีอ่อนปวกเปียกกับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม จนทำให้รีพับลิกันสามารถช่วงชิงเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรไปได้ขาดลอยเมื่อปี ค.ศ. ๒๐๑๐

การ reinvent ความเป็นประธานาธิบดีในแนวที่เคยได้รับอาณัติมาจากคะแนนเสียงเลือกตั้งในปี ค.ศ. ๒๐๐๘ ของบารัค โอบาม่า ไม่เพียงปรากฏในการปรับท่าทีต่อนโยบายในประเทศ ดังที่เผชิญหน้ากับเสียงข้างมากรีพับลิกันในสภาผู้แทนฯ ภายใต้การนำของนายจอห์น เบเนอร์ ที่ตั้งแง่ค้านไปเสียทุกอย่าง ในแผนงานแก้ปัญหางบประมาณขาดดุล หลังจากที่คณะกรรมาธิการรัฐสภาชุดพิเศษจากสองพรรคที่ประธานาธิบดีตั้งขึ้นมาล้มเหลวไม่เป็นท่า

แสดงให้เห็นว่าที่พึ่งสุดท้ายทางการเมืองของประธานาธิบดีอยู่ที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฐานคะแนนเสียงของตนเอง ไม่ใช่ไม่ทำเพราะกลัวว่าฝ่ายค้านจะก่อกวน และไม่ใช่ทำเพื่อเอาใจกลุ่มการเมืองภาคประชาชน อย่างเช่นทีพาร์ตี้

อุปมาอุปมัยด้วยหลักคิดเดียวกัน การทำใหม่ที่อยากเห็นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย มิใช่จะต้องคิดค้นโครงการใหญ่ขึ้นมาใหม่เสมอไป ทางรถไฟเชื่อมทุกภาค กับการวางแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวก็น่าจะเหลือบ่าแล้ว ยังมีการทำใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาลจนต้องหันไปทำเก่าเอาอย่างรัฐบาลที่แล้วด้วยการออกโรงถล่มธนาคารแห่งประเทศไทยในปัญหาดอกเบี้ยเงินกู้กองทุนฟื้นฟูฯ*(4) ที่เป็นอุจจาระเปรอะเปื้อน และส่งกลิ่นก่อกวนมาตั้งแต่สมัยนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีคลังของนายกฯ ชวน หลีกภัย แก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง แบบปัดสวะขอไปที

นั่นคือการ reinvent ความเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงข้างมากในการเลือกตั้งทั่วประเทศ ด้วยการกลับไปหาอาณัติของประชาชนเช่นเดียวกับที่ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังพยายามทำ และเดินหน้าปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแก้ไขธรรมเนียมปฏิบัติแบบไทยๆ ที่เป็นขวากหนามของความเจริญทัดเทียมนานาอารยะประเทศในเรื่องจิตสำนึกแห่งหลักการประชาธิปไตย

อย่างน้อยๆ ต้องให้มีการยอมรับโดยถ้วนหน้าว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันหมดเสียที

ชนิดที่ไม่ควรเกิดกรณีอย่างที่เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ทำการบรรยายใส่หน้านายกฯ อย่างสาดเสียว่า เป็นหน้าที่ของพวกคุณ ไม่ใช่หน้าที่ผม ไม่มีใครมาจ้างผมทำงาน แม้แต่นายกรัฐมนตรีเองก็ไม่ได้จ้างผม เขาขอให้ผมมาทำช่วยชาติ เลยเสียตัว ตอนนี้ท่านทำผมท้องแล้วต้องรับผิดชอบ นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ทำผมท้องแล้วจะมาทำผมแท้งไม่ได้”*(5) ประดุจดังเจ้านายสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชตรัสต่อข้าราชบริพารฉะนั้น

ข้อสำคัญในสิ่งที่เป็นการพัฒนาระบบกฏหมาย และกระบวนการตุลาการให้ขยับขึ้นมาอยู่ในระดับของอารยะสากลนั่นจำเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่มีการตัดสินคดีอากง หรือที่ต่างประเทศรู้กันถ้วนทั่วว่า “Uncle SMS” ให้จำคุก ๒๐ ปีด้วยข้อหาส่งข้อความอันเป็นการหมิ่นสมเด็จพระราชินี และพระมหากษัตริย์ ทั้งที่โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้แจ้งชัดว่าจำเลยกระทำผิดจริง ศาลเลยใช้หลักฐานแวดล้อมของโจทก์มาตัดสินว่าผิดแทน

นานาชาติเขาเห็นว่าเป็นการใช้กฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ตัดสินเกินกว่าเหตุกันทั้งนั้น แต่พวกผู้ลากมากดีบ้านเรานับตั้งแต่ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เรื่อยไปถึงพล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร และน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กลับพากันแถกแถไปข้างๆ คูๆ ว่าเป็นกฏหมายไม่มีพิษมีภัยถ้าไม่มีใครฝ่าฝืน

แต่ประเด็นที่ทั่วโลกเห็นว่าถึงแม้จะไม่ตั้งใจฝ่าฝืนพวกผู้จงรักภักดีทั้งหลายก็สามารถเอามายัดเยียดให้จนได้ ท่านผู้ประเสริฐเหล่านั้นกลับมองไม่เห็น

ครั้นมีกลุ่มนักวิชาการกฏหมายอย่างคณะนิติราษฎร์สามารถคิดสูตรใหม่เพื่อถอดสลักวงจรอุบาทว์ของการรัฐประหาร และการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง รวมทั้งผู้คิดต่างด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์ ราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยเสนอให้ลบล้างผลพวงแห่งรัฐประหาร และแก้ไข ม. ๑๑๒ รัฐบาลซึ่งเคยถูกฝ่ายตรงข้ามใช่เล่ห์กลยัดเยียดข้อหามาแล้วไฉนรีบออกตัวไม่ขอแตะต้อง

นั่นเป็นเพราะรัฐบาล (โดยพรรคเพื่อไทย) นี้วางกรอบนโยบายไว้แล้วว่าจะทำตามแต่เพียงที่ทักษิณคิดเท่านั้นหรือ ข้อเสนอนิติราษฎร์เป็นความคิดใหม่ที่จะปฏิรูปการเมืองไทย และปรับระเบียบสังคมให้พ้นจากมายาคติเรื่อง คนดี ในทางการเมืองที่บอกว่า โสเภณียังดีกว่าคนโกง นั้นยังต้องมีการให้คำจำกัดความอีกมากทั้งในส่วนของ โสเภณี และคนโกง ถ้าเป็น โสเภณีการเมือง และ คนดีขี้โกง เล่าจะว่าอย่างไร เขายายเที่ยง กับ ทีดินรัชดา และ ที่ดินหนองน้ำมักกะสัน ต่างกันมากไหม

ถ้าหากทักษิณติดขัด และขลุกขลักไม่อยากคิดใหม่ ในเมื่อบังเอิญนิติราษฎร์เขาคิดใหม่ได้แล้ว รัฐบาลเพื่อไทยจะเอามาทำใหม่ไม่ได้หรือ

ไหนๆ ก็คิดใหม่ให้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกได้แล้ว ทำใหม่ให้ใครก็ตามที่ก่อรัฐประหาร หรือสั่งฆ่าประชาชนต้องได้รับโทษสาสมดูบ้างเป็นไร



*(1) คำของคุณ รักในหลวงห่วงลูกหลาน แห่งเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน ยุคปี ๒๕๕๒
*(2) ดังที่นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้สั่งยกเลิกมติ ครม. อนุมัติงบประมาณเยียวยา ดูข่าว น.ส.พ.โลกวันนี้ที่ http://www.dailyworldtoday.com/hotnews.php?hotnews_id=53603
*(4) ดูความเห็นต่างกับรัฐบาลในเรื่องนี้โดยอาจารย์กานดา นาคน้อย นักเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเพอร์ดิว ได้ที่ http://www.konmuankan.com/~liberal/index.php?showtopic=52162
*(5) http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000006000


No comments:

Post a Comment